วันนี้
องค์การนาซาได้แถลงข่าวใหญ่
โดยกล่าวว่าเป็นการค้นพบที่สำคัญที่สุดที่เกี่ยวกับ
ดาวเคราะห์ต่างระบบ นั่นคือ
กล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ของนาซาพบระบบสุริยะใหม่ที่มีดาวเคราะห์ขนาดใกล้เคียงโลกถึงเจ็ดดวง
ในจำนวนนี้มีดาวเคราะห์ที่โคจรอยู่ในเขตเอื้ออาศัยถึงสามดวง
นับเป็นการค้นพบดาวเคราะห์ต่างระบบในเขตเอื้ออาศัยของระบบสุริยะเดียวกันเป็นจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา


คำว่า
เขตเอื้ออาศัย (habitable
zone)
หมายถึงบริเวณรอบดาวฤกษ์ที่อยู่ในระยะพอเหมาะ
ไม่ร้อนเกินไป
ไม่หนาวเกินไป
หากมีดาวเคราะห์หินโคจรอยู่ในบริเวณนี้
ก็เป็นไปได้ว่าจะมีน้ำที่อยู่ในสถานะของเหลวไหลรินอยู่บนพื้นผิว
น้ำเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
ดังนั้นดาวเคราะห์ที่อยู่ในเขตเอื้ออาศัยจึงเป็นเป้าหมายสำคัญหากต้องการมองหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก
ระบบสุริยะใหม่ที่ค้นพบในครั้งนี้คือ
ระบบสุริยะของ
ดาวแทรปพิสต์-1 (TRAPPIST-1)
ชื่อดาวตั้งชื่อตามกล้องแทรปพิสต์
(TRAPPIST--The
Transiting
Planets
and
Planetesimals
Small
Telescope)
ซึ่งเป็นกล้องโทรทรรศน์ค้นหาดาวหางและดาวเคราะห์ต่างระบบอัตโนมัตของเบลเยียมที่ตั้งอยู่ในหอดูดาวลาซียา
ประเทศชิลี
ดาวแทรปพิสต์-1
อยู่ในกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ
มีมวลเพียง
8
เปอร์เซ็นต์ของดวงอาทิตย์
มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
1/8
ของดวงอาทิตย์
อุณหภูมิพื้นผิว
2,800
เคลวิน
เป็นดาวฤกษ์ชนิดที่เรียกว่า
ดาวแคระแดง ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ประเภทที่มีมากที่สุดในเอกภพ
ดาวฤกษ์ราว
70
เปอร์เซ็นต์เป็นดาวฤกษ์ชนิดนี้
ความน่าสนใจอีกอย่างของดาวแทรปพิสต์-1
ก็คือ
ระบบสุริยะนี้ห่างจากโลกเราเพียง
39
ปีแสงเท่านั้น
ซึ่งถือว่าใกล้มาก
การค้นพบ
การค้นพบดาวเคราะห์ทั้งเจ็ดของดาวแทรปพิสต์-1
ไม่ได้เกิดขึ้นในคราวเดียว
เรื่องเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
เมื่อมีการประกาศการค้นพบดาวเคราะห์สามดวงรอบดาวดวงนี้โดยใช้กล้องแทรปพิสต์
หลังจากนั้นจึงมีการสำรวจเพิ่มเติมโดยกล้องอื่น
ทั้งกล้องโทรทรรศน์อวกาศอย่างกล้องสปิตเซอร์และกล้องภาคพื้นดินอย่างกล้องวีแอลที
ข้อมูลจากกล้องสปิตเซอร์ยืนยันว่าสองดวงในจำนวนนั้นเป็นดาวเคราะห์จริง
นอกจากนั้นยังพบเพิ่มอีกห้าดวง
รวมทั้งสิ้นเป็นเจ็ดดวง
ดาวเคราะห์ของแทรปพิสต์-1
ทั้งเจ็ดดวง
ได้รับการตั้งชื่อตามหลักการตั้งชื่อดาวเคราะห์ต่างระบบ
โดยเรียงตามลำดับของวงโคจรจากในสู่นอก
ดังนี้คือ
แทรปพิสต์-1 บี,
แทรปพิสต์-1 ซี,
แทรปพิสต์-1 ดี,
แทรปพิสต์-1 อี,
แทรปพิสต์-1 เอฟ,
แทรปพิสต์-1 จี และ
แทรปพิสต์-1 เอช โดยสามดวงที่อยู่ในเขตเอื้ออาศัยคือ
แทรปพิสต์-1
อี,
แทรปพิสต์-1
เอฟ
และ
แทรปพิสต์-1
จี
ดาวแทรปพิสต์-1
อี
มีขนาดใกล้เคียงโลกมาก
ได้รับแสงจากดาวในระดับความเข้มใกล้เคียงกับที่โลกรับจากดวงอาทิตย์
อุณหภูมิก็น่าจะใกล้เคียงโลกด้วย
ดาวแทรปพิสต์-1
เอฟ
มีขนาดใกล้เคียงโลกเช่นกัน
โคจรรอบดาวฤกษ์รอบละ
9
วัน
ได้รับแสงจากดาวในระดับใกล้เคียงกับที่ดาวอังคารได้รับจากดวงอาทิตย์
ดาวแทรปพิสต์-1
จี
มีขนาดใหญ่ที่สุดในดาวเคราะห์ทั้งเจ็ด
ใหญ่กว่าโลกประมาณ
13
เปอร์เซ็นต์
ได้รับแสงจากดาวฤกษ์น้อยกว่าที่ดาวอังคารได้รับจากดวงอาทิตย์
แต่มากกว่าที่ดาวเคราะห์น้อยแถบหลักได้รับ
ดาวเคราะห์แก๊สหรือดาวเคราะห์หิน
ข้อมูลจากสปิตเซอร์ให้ข้อมูลทั้งมวลและขนาดของดาวเคราะห์แต่ละดวง
(ยกเว้นดวงที่เจ็ด)
จึงทราบความหนาแน่นของดาวเคราะห์ด้วย
ซึ่งแสดงว่าดาวเคราะห์ทั้งหมดน่าจะเป็นดาวเคราะห์หินเช่นเดียวกับโลก
ส่วนดาวเคราะห์ดวงที่เจ็ดที่ยังวัดมวลไม่ได้
นักดาราศาสตร์คาดว่าน่าจะเป็นดาวเคราะห์น้ำแข็ง
อย่างไรก็ตามต้องมีการสำรวจเพิ่มเติมต่อไปจึงจะยืนยันได้
หลังจากการประกาศการค้นพบในเดือนพฤษภาคม
นักดาราศาสตร์ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลสำรวจติดตามระบบสุริยะนี้ด้วย
โดยมุ่งเป้าไปที่ดาวเคราะห์สี่ดวง
เพื่อค้นหาร่องรอยของบรรยากาศไฮโดรเจนและฮีเลียมซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวของดาวเคราะห์แก๊สประเภทดาวเนปจูน
จนถึงขณะนี้ฮับเบิลยืนยันได้แน่นอนแล้วว่าดาวเคราะห์สองดวงในไม่พบร่องรอยของแก๊สไฮโดรเจน
นี่เป็นหลักฐานหนึ่งที่บ่งชี้ว่าดาวเคราะห์สองดวงนี้เป็นดาวเคราะห์หิน
ครอบครัวใหญ่ แต่บ้านเล็ก
ดาวเคราะห์ทั้งเจ็ดดวงของแทรปพิสต์-1
โคจรอยู่ใกล้ดาวฤกษ์แม่มาก
แม้แต่ดวงที่เจ็ดที่อยู่ห่างที่สุดก็ยังมีวงโคจรเล็กกว่าของดาวพุธ
การที่เป็นระบบสุริยะขนาดกะทัดรัด
ดาวเคราะห์แต่ละดวงจึงอยู่ใกล้กันมาก
หากมีใครไปยืนอยู่ที่ดาวเคราะห์ดวงในดวงหนึ่งในระบบสุริยะนี้
เขาก็จะมองเห็นดาวเคราะห์ดวงถัดกันเป็นดวงกลมโตที่มีขนาดปรากฏใหญ่กว่าดวงจันทร์ที่มองเห็นจากโลก
สังเกตเห็นรายละเอียดต่าง
ๆ
บนพื้นผิวหรือแม้แต่เมฆบนดาวเคราะห์ดวงนั้นได้เลยทีเดียว
ลักษณะเด่นของระบบสุริยะของดาวแทรปพิสต์-1
อีกอย่างหนึ่งก็คือ
ดาวเคราะห์ทั้งเจ็ดดวงนี้อาจถูกตรึงโดยความโน้มถ่วงของดาวฤกษ์
หมายความว่าทั้งหมดจะหันด้านเดียวเข้าหาดาวฤกษ์ตลอดเวลา
ทำนองเดียวกับที่ดวงจันทร์หันด้านเดียวเข้าหาโลกตลอดเวลา
ผลของปรากฏการณ์นี้ทำให้ดาวเคราะห์มีด้านใดด้านหนึ่งเป็นกลางวันตลอดกาล
และด้านตรงข้ามก็เป็นกลางคืนชั่วนิรันดร์
ด้วยเหตุนี้รูปแบบของสภาพลมฟ้าอากาศบนดาวเคราะห์เหล่านี้ย่อมแตกต่างไปจากบนโลกอย่างสิ้นเชิง
ขณะนี้กล้องโทรทรรศน์เคปเลอร์
ยอดนักค้นหาดาวเคราะห์ต่างระบบอีกกล้องก็กำลังสำรวจระบบสุริยะของแทรปพิสต์-1
เช่นกัน
เคปเลอร์อาจจะช่วยให้นักดาราศาสตร์ทราบสมบัติต่าง
ๆ
เกี่ยวกับดาวเคราะห์ทั้งเจ็ดนี้มากขึ้น
หรืออาจค้นพบดาวเคราะห์ในระบบสุริยะนี้เพิ่มขึ้นอีกก็เป็นได้
ผลการสำรวจจากเคปเลอร์จะเผยออกมาในต้นเดือนมีนาคมนี้